.................................................................................................................................................
ภาพแห่งความโศกเศร้าน้ำตานองปรากฎขึ้นให้เห็นทั่วทั้งแผ่นดิน ภายหลังสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๕๒ น. นับว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในหัวใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ถึงแม้วันนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะจากไปแต่ภาพความทรงจำมากมายเกี่ยวกับพระองค์จะสถิตอยู่ในดวงใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป และภาพแห่งความทรงจำที่สร้างความปิติยินดีให้แก่พสกนิกรทั้งหลายคือ ภาพครั้งสุดท้ายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯทางชลมารค เป็นภาพตรึงใจของปวงชนชาวไทยเมื่อเย็นวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ 2553
พระราชดำเนินทางชลมารค ทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล1 สะพานภูมิพล2 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งภาพความทรงจำไม่รู้ลืม…พระพักตร์อันสดใส ตลอดเส้นทางทั้งสองพระองค์ ทรงโบกพระหัตถ์ และทรงฉายพระรูปประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จตลอดเส้นทาง ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของพสกนิกร และทัศนียภาพของสองฝั่งลำนํ้าเจ้าพระยา นับเป็นครั้งแรกที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราช ดำเนินโดยชลมารคมายังพื้นที่นี้ หลังจากก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับที่ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2552 เป็นต้นมา
โดยเหตุการณ์ครั้งนี้มีคุณค่ายิ่งกว่านํ้าทิพย์ชโลมใจหัวใจของปวงชนชาวไทยในเวลานั้น เพราะเป็นพระราชกรณียกิจครั้งแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับโรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ท้องฟ้าใกล้พลบค่ำ เรือพระที่นั่งอังสนาแล่นมาถึงปากคลองประตูระบายนํ้าคลองลัดโพธิ์ สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 ในเวลา 18.00 น. หลังจากเสด็จฯ ออกจากท่าเทียบเรือศิษย์เก่าคณะแพทย์ศิริราช เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่ในฉลองพระองค์สูทสีนํ้าตาลอ่อนและฉลองพระองค์ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีเขียว สนับเพลาสีนํ้าตาลอ่อน ภายหลังทรงแตะพระหัตถ์บนแท่นที่ฉายภาพแผนที่ ทรงเปิดประตูระบายนํ้าคลองลัดโพธิ์เสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงอยู่ในอาริยาบถที่คุ้นตาชาวไทยเสมอมา ทรงบันทึกภาพพิธีเปิดที่มีการจุดพลุเฉลิมฉลองตลอดเวลาที่ทอดพระเนตรอยู่บนเรือพระที่นั่งอังสนา กระทั่งถึงเวลา 18.42 น. เรือพระที่นั่งอังสนา จึงเคลื่อนตัวออกจากคลองลัดโพธิ์ กลับมายังรพ.ศิริราช
สำหรับสะพานภูมิพลยังทำหน้าที่เชื่อมการเดินทางคนฝั่งกรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ ได้สะดวกขึ้น เพราะเดิมทีต้องใช้บริการข้ามแม่นํ้า เจ้าพระยาด้วยแพขนานยนต์ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาจราจร เพราะการก่อสร้างสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เชื่อมถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นโครงข่ายของถนนเส้นใหม่รองรับการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุก มีส่วนช่วยสกัดกั้นไม่ไห้รถบรรทุกสินค้าวิ่งไปในตัวเมืองชั้นใน อันเป็นสาเหตุของการจราจรติดขัดโดยรอบสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยงบประมาณของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ภายใต้การออกแบบ ของ พอลเล กุสตาฟสันส์ นักออกแบบชาวสวีเดน เลือกรูปแบบสะพานขึง เนื่องจากข้อกำหนดว่าตัวสะพานต้องสูงกว่าระดับนํ้า ไม่น้อยกว่า 50 เมตร เพื่อให้เรือบรรทุกสินค้าแล่นผ่านไปยังท่าเรือคลองเตยได้ ผู้ออกแบบกำหนดให้ระหว่างสะพานทั้งสองช่วงมีลักษณะคล้ายหัวแหวน ประหนึ่งพระธำมรงค์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อสะพานข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยา ด้านทิศเหนือเชื่อมกรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรปราการ ว่า “สะพานภูมิพล 1” ส่วนด้านทิศใต้เชื่อมอำเภอพระประแดงกับตำบลสำโรงใต้ ได้รับพระราชทานชื่อว่า “สะพานภูมิพล 2”
ส่วนนาม “ภูมิพล” นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระราชปรารภไว้ว่า “อันที่จริงเธอก็ชื่อ ภูมิพลที่แปลว่า กำลังของแผ่นดิน แม่อยากให้เธออยู่กับดิน ซึ่งแม่อยากให้เธออยู่กับดิน เมื่อฟังคำพูดนี้แล้วก็กลับมาคิด ซึ่งแม่ก็คงจะสอนเรา และมีจุดมุ่งหมายว่า อยากให้เราติดดินและอยากให้ทำงานให้แก่ประชาชน” ตลอดระยะเวลาครองราชย์ยาวนาน 70 ปี จวบจนเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนักแทบจะ 24 ชั่วโมง หยาดนํ้าตาแห่งความเสียใจร้อยล้านหยดรดลงแผ่นดินไทย ยังเทียบไม่ได้กับพระเมตตาที่ทรงมีต่อประชาชนคนไทยทุกพื้นที่ทุกเวลา
http://www.tvpoolonline.com/content/241067
0 comments:
Post a Comment